วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์
   อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ
   อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ สามารถจำแนกอาชญากรเป็นกลุ่ม ดังนี้
๑. แฮกเกอร์ คือ บุคคลที่ใช้ความสามารถในทางที่ไมาถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
๒. แครกเกอร์ คือ แฮแเกอร์ที่ทำไปเพื่อประโยชน์ในทางธุระกิจ
๓. แฮกตีวิสต์หรือไซเบอร์เทอร์รอริสต์ คือ แฮกเกอร์ที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
   อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ จัดออกเป็น ๙ ประเภท ดังนี้
๑. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
๒. การนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
๓.การละเมิดสิทธิปลอมแปลงรูปแบบ
๔. การใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามกอานจาร
๕. การใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
๖. เข้าไปทำลายระบบสาธารณูปโภค
๗. การหลอกลวงให้ลงทุนปลอม
๘. การแทรกแซงข้อมูล 
๙. การแอบโอนเงินของผู้อื่นเข้าบัญชีตอนเอง
   การใช้คอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม มีหลายรูปแบบ เช่น
๑. การขโมยหมายเลขบัตรเครดิต
๒. การแอบอ้าง
๓. การกราดตรวจทางคอมพิวเตอร์
   คอมพิวเตอร์ในฐานะเป้าหมายของอาชญากรรม นอกจากการใช้คอมพิวเตอร์ในการเป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมแล้ว การกระทำที่อาจเป็นอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใน ๓ ประเด็น คือ
๑. การใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
๒. การก่อกวน ทำลายข้อมูล
๓. การขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์
   วิธีการใช้ในการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
  วิธีการใช้ในการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีดังนี้
๑. ดาตาดิดลิง คือ การเปลี่ยนแปลงข้อมุลโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน
๒. โทรจันฮอร์ส การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงไว้ในโปรแกรมที่มีประโยชน์
๓. ซาลามิเทคนิค วิธีการปัดเศษจำนวนเงิน
๔. ซูเปอร์แซพปิง สามารถเข้าไปในระบบได้ในกรณีฉุกเฉิน
๕. แทรปดอร์ เป้นการเขียนโปรแกรมที่เลียนแบบคล้ายหน้าจอปกติ
๖. ลอจิกบอมบื เป็นการเขียนโปรแกรมคำสังอย่างมีเงื่อนไข
๗. อัสซินครอนีสแอตแทก คือ สามารถทำงานกลายๆอย่างพร้อมกันได้
๘. สกาเวนจิง คือ วิธีดารที่จะได้ข้อมุลที่ทิ้งไว้ในระบบคอมพิวเตอร์หรือบริเวณใกล้เคียง
๙. ดาตาลีเกจ หมายถึง การทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป
๑๐. พิกกีแบกกิง สามารถทำได้ทั้งทางกายภาพ
๑๑. อิมเพอร์ซันเนชัน คือ การที่คนร้ายแกล้งปลอมเป็นบุคคลอื่นที่มีอำนาจ
๑๒. ไวร์แทปพิง เป้นการลักลอบดับฟังสัญญารการสื่อสารโดยเจตนา
๑๓. ซิมุชันแอนโมเดลลิง คอมพิวเตอร์ถูกใช้เป้นเครื่องมือในการงางแผนการควบคุม
   วิธีการป้องกันการเข้าถึงข้อมุลและคอมพิวเตอร์
  โดยทั่วไปการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและคอมพิวเตอร์จากบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตจะแตกต่างกันออกไป กล่าวได้ ๔ วิะี คือ
๑. ใช้ชื่อผู้ใช้และรหัส
๒. ใช้วัตถุเพื่อการเข้าระบบ
๓. ใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ
๔. ระบบเรียกกลับ


กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
   ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย ซึ่งมีการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากมายทั่วโลก แต่หากนำไปใช้ในทางมิชอบก็อาจก่อให้เกิดความเสีหาย หรือส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อประชาคมโลก และได้เกิดรูปแบบใหม่ของอาขญากรรมที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการกระทำผิดหลายด้าน
   สาเหตุที่ต้องมีการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น เพราะด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคดนโลยี ทำให้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ การมีกฎหมายจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
   กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเกิดขึ้นเนื่องจากความจำเป็นของสังคมและเพื่อให้สังคมมีความเป็นปึกแผ่น โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
๒. กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
๓. กฎหมายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
๔. กฎหมายการสับเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
๕. กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
๖. กฎหมายการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์
๗. กฎหมายโทรคมนาคม
๘. กฎหมายระหว่างประเทศ
๙. กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับอินเตอร์เน็ต
๑๐. กฎหมายพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความหมายของจริยธรรม

ความหมายของจริยธรรม
   จริยธรรม หมายถึงหลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ การกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม เช่น
๑. การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
๒.การใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูล
๓. การใช้คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
๔. การละเมิดลิขสิทธิ์สอฟต์แวร์
   กรอบความคิดเรื่องจริยธรรม
โดยทั่วไปเมื่อพิจารณาถึงจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ๔ ประเด็น ที่รู้จักกันในลักษณะอักษรย่อว่า พีเอพีเอ ประกอบด้วย
๑. ความเป็นส่วนตัว คือ การเก็บรวบรวม
๒. ความถุกต้อง คืือ ความถูกต้องแม่นยำ
๓. ทรัพย์สินทางปัญญา คือ กรรมสิทธิ์และมูลค่าของข้อมูลสารสนเทศ
๔. การเข้าถึงข้อมุล คือ สิทธิในการเข้าถึงสารสนเทศ
   ความเป็นส่วนตัว
 ปัจจุบันมีประเด้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เป็นข้อน่าสังเกตดังนี้
๑. การเข้าไปดูข้อความจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
๒. การใช้เทคโนดลยีในการติดตามการเคลื่อนไหว
๓. การใช้ข้อมุลของลูกค้าจากแหล่งต่างๆ
๔. การรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อเมล และอื่นๆ
   ความถูกต้อง
  ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูลนั้น คุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล
   ทรัพย์สินทางปัญญา
 ทรัพยืสินทางปัญญา หมายถึง สิทธิความเป็นเจ้าของ
 ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ
 สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐุ์
 อนุสิทธิบัตร หมายถึง เอกสารสิทธิทีแสดงถึงการดทะเบียนคุ้มครองการประดิษฐุ์
 การระเมิดสิทธิ์
๑. การระเมิดสิทธิ์โดยตรง
๒. การระเมิดสิทธิ์โดยอ้อม
  การเข้าถึงข้อมุล
 ปัจจุบันการใช้งานโปรแกรม หรือระบบคอมพิวเตอร์มักจะมีการกำหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งาน



ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกออกเป็น ๒ ด้าน คือ
   ผลกระทบในทางบวก
๑. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสะบายของมนุษย์
๒. ช่วยทำให้การทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตดีขึ้น
๓. ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพขึ้น
๔. ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
๕. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
๖. ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
๗. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
๘. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
  ผลกระทบในด้านลบ
๑. ทำให้เกิดอาชยากรรม
๒. ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
๓. ทำให้เกิดความวิตกกังวล
๔. ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุระกิจ
๕. ทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
๖. ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวจเร็ว
๗. ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง
   แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมุลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ผลของความก้วหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน ดังนี้
   ๑. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ
   ๒. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคดนโลยีแบบตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้
   ๓. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพการทำงานแบบทุกสถานที่ และทุกเวลา
   ๔. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบท้องถิ่นไปเป็นเศรษฐกิจโลก
   ๕. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลัษณะผูกพัน
   ๖. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการวางแผนการดเนินการระยะยาวขึ้น
   ๗. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนดลยีที่มีบทบาทสำคัญในทุวงการ

การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ


การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ
   เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว จนมีความสามารถในการใช้งานเพิ่มขึ้น 
   หากพิจารณาการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารทั่วไปของโทก ปัจจุบันมูลค่าของสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่าสนใจคือ ๑๐ ประเทศ
   ความก้วหน้าของคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร ทำให้อุปกรณ์ต่างๆมีขนาดเล็กลงแต่มีความสามารถเพิ่มขึ้น และมีราคาถูกจนผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้
   ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้สร้างประโยชน์อย่างมากต่อวงการธุระกิจ ทำให้ทุกธุระกิจมีการลงทุนขยายขอบเขตการให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมากขึ้น กลไกเหล่านี้ทำให้โอกาสการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นตามไปด้วย

ประเภทของระบบสารสนเทศ

ประเภทของระบบสารสนเทศ
   ระบบสารสนเทศสามารถจัดแบ่งประเทได้หลายวิธี ประเภทของระบบสารสนเทศที่สำคัญ ๓ ประภท ดังนี้
   ๑. ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน
   ๒. การจำแนกหน้าที่ขององค์การ
   ๓. การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ
  ระบบสารสนเทศที่สนับสุนนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริหารระดับต่างๆ แบ่งประเภทของสารสนเทศไว้ ดังนี้
 ๑. ระบบประมวลผลรายงาน เป็นระบบที่ทำหน้าที่ปฏิบัติงานในงานประจำ
 ๒. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบที่สนับสนุนงานในสำนักงาน
 ๓. ระบบงานสร้างความรู้ เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนบุคลากร 
 ๔. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง เป็นระบบที่สร้างสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
   ระบบสารสนเทศการจำแนกตามหน้าที่ขององค์การ ระบบสารสนเทศในงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ต่างๆ เช่น 
  ๑. ระบบสารสนเทศด้านบัญชี
  ๒. ระบบสารสนเทศด้านการเงิน
  ๓. ระบบสารสนเทศด้านการผลิต
  ๔. ระบบสารสนเทศด้านการตลาด
  ๕. ระบบสารสนเทสด้านทรัพยากรมนุษย์
   ระบบสารสนเทศการจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ แบ่งเป็น ๓ ระบบ ดังนี้
  ๑. ระบบสารสนเทศประมวลผลรายงาน เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลผล
  ๒. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เป็นระบบสารสนเทศสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง
  ๓. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นระบบที่ช่วยบริหารในการตัดสินใจสำหรับปัญหา



การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์

                                               การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์
   คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยหลักการทางอิกเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สัญญาณทางไฟฟ้าแทนค่าตัวเลขศูนย์และหนึ่ง ซึ่งเป็นเลขฐานในระบบเลขฐานสอง แต่ละหลักเรียกบิต จึงมีการกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา โดยรหัฐมาตรฐานที่นิยมใช้มี ๒ กลุ่ม คือ
   รัสแอสกี การกำหนดรหัสแทนข้อมูลขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลและคอมพิวเตอร์
   รหัสเอบซีดิก เป็นการกำหนดรัสแทนตัวอักษร
   ระบบเลขฐานสอง ในีวิตประจำวันของมนุษย์ต้องได้พบเจอกับจำนวนละการคำนวณ หากสังเกตพบว่าจำนวนที่เราคุ้นเคยนั้นไม่ว่าจะเป็นการซื้อของเป็นเงิน ๓๙,๕๘๗ บาท ล้วนแล้วแต่ประกอบขึ้นจากตัวเลข คือ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ ทั้งสิ้น จึงกำหนดตัวเลขนี้ขึ้นมา เรียกว่า ระบบเลขฐานสิบ

ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์

ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์
   ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร กระบวนการ และโทรคมนาคม ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำการรวบรวม จัดการ จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ดังนี้ 
   ๑. ฮาร์ดแวร์  คืออุปกรณ์ทางกายภาพซึ่งก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์และหน่วยประมวลผลต่างๆ
   ๒. ซอฟต์แวร์ ประกอบด้วยกลุ่มข้องโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับฮาร์ดแวร์
   ๓. ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลละสารสนเทศที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล
   ๔. บุคลากร หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
   ๕. กระบวนการ หมายถึง กลุ่มของคำสั่งหรือกฏ
   ๖. การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดต่อสื่อสาร

ระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศ
   ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่ดำเนินการจัดการข้อมูลข่าวสาร ให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ



การจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

การจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
    การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน มีรายละเอียดดังนี้
   ๑. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล 
  ๑. การเก็บรวบรวมข้อมูล และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา
  ๒. การตรวจสอบข้อมูล เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
   ๒. การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ
  ๑. การจัดแบ่งข้อมูล จะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่มเพื่อเตรียมไว้สำหรับการใช้งาน
  ๒. การจัดเรียงข้อมูล ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลำดับ
  ๓. การสรุปผล จำเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้างรายงานย่อ
  ๔. การคำนวณ ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถคำนวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได้
   ๓. การดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน 
  ๑. การเก็บรักษาข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลมาบันทึกเก็บไว้
  ๒. การค้นหาข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บไว้มีจุดประสงค์ที่จะเรียกใช้งานได้ต่อไป
  ๓. การทำสำเนาข้อมูล เพื่อที่จะนำข้อมูลเก็บรักษาไว้
  ๔. การสื่อสาร ข้อมูลต้องกระจาย หรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย
   วิธีการประมวลผลข้อมูล
  วิธีการประมวลผลข้อมูลสามารถแบ่งได้ตามสภาวะการนำข้อมูลมาประมวลผลได้ ๒ วิธี คือ
   ๑. การประมวลผลแบบเชื่อมตรง
  เป็นการทำงานในขณะที่ข้อมุลวิ่งไปบนสายสัญญาณเชื่อมต่อจากเครื่องปลายทางไปยังฐานข้อมูลของเครื่องหลัก
   ๒. การประมวลผลแบบกลุ่ม
  เป็นการประมวลผลในเรื่องที่สนใจเป็นครั้งๆ ก็มีการสำรวจข้อมูลเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล

สารสนเทศ

สารสนเทศ
   ความหมายของสารสนเทศ
    สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีที่เหมาะสมและถูกต้อง
   คุณลักษณะของสารสนเทศ
   ๑. ความถูกต้องแม่นยำ
   ๒. ความทันต่อการใช่งาน 
   ๓. ความสมบูรณ์และกะทัดรัด
   ๔. สอดคล้องต่อความต้องการ
   ๕. เข้าใจง่าย
   ๖. เชื่อถือได้
   ๗. คุ้มราคา
   ๘. ตรวจสอบได้
   ๙.สะดวกในการเข้าถึง
   ๑๐. ปลอดภัย

ข้อมูล

ข้อมูล
   ความหมายของข้อมูล
    ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดของสิ่งที่สนใจ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ 
   คุณสมบัติของข้อมูลที่ดี
  ๑. ความถูกต้องแม่นยำ 
  ๒. มีความเป็นปัจจุบัน
  ๓. มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
  ๔. มีความกะทัดรัด
  ๕. ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
    ประเภทของข้อมูล
   ข้อมุลคือข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ แบ่งประเภทของข้อมูลได้เป็น ๒ ประเภท คือ 
๑. การแบ่งข้อมูลตามแหล่งกำเนิด แบ่งได้ ๒ ประเภท คือ 
   ๑. ข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการเก็บข้อมูลหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง
   ๒. ข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว
๒. การแบ่งข้อมูลตามลักษณะของข้อมูล แบ่งได้ ๒ ประเภท คือ 
   ๑. ข้อมูลเชิงปริมาณ หมายถึง ข้อมูลที่ใช้แทนขนาดหรือปริมาณซึ่งวัดออกมาเป็นค่าตัวเลข
   ๒. ข้อมูลเชิงคุณภาพ หมายถึง ข้อมุลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็นค่าตัวเลขได้โดยตรง แต่วัดออกมาในเชิงคุณภาพได้

ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ

                                       ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ
   ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวม มีดังนี้
    ๑. การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
    ๒. เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาศ
    ๓. สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน
    ๔. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม
    ๕. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ
    ๖. การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม

ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
   
   ลักษณะเด่นที่สำคัญของเทคโนดลยีสารสนเทศ มีดังนี้
    ๑. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    ๒. เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย
    ๓. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ
    ๔. เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ
   เทคโนโลยีสารสนเทศกำลังเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก สังเกตุได้จากการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แสดงว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณและเก้บข้อมูลได้แพร่ไปทั่วทุกแห่ง
   การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น 
   เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการสารสนเทศมากที่สุด คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ซึ่งมีวัฒนาการใช้เทคโนดลยีคอมพิวเตอร์ ดังนี้
   ยุคที่ ๑ การประมวลผลข้อมูล ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณ
   ยุคที่ ๒ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ
   ยุคที่ ๓ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเน้นถึงการใช้สารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจ
   ยุคที่ ๔ เทคโนโลยีสารสนเทศ มีการขยายขอบเขตการประมวลผลข้อมูล

นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
   เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดเวลา
   สารสนเทศ (lnformation) หมายถึง ข้อมูลที่เป้นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์
   ดังนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูลการประมวลผล การพิมพ์ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ และดูแลข้อมูล
   เทคโนโลยีสารสนเทศ เรียกอีกชื่อว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร เพราะประกอบด้วยเทคโนโลยีที่สำคัญ ๒ สาขา คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งสองมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน ดังนี้
      ๑. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสารสนเทศจะใช้สำหรับการจัดการระบบสารสนเทศ เพื่อให้ได้สารสนเทศตามที่ต้องการอย่างถูกต้อง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการจัดการหรือจัดทำระบบสารสนเทศที่สามารถผลิตสารสนเทศให้สนองความต้องการของผู้ใช้ประกอบด้วยกรรมวิธี ๓ ประการ คือ การนำข้อมูลเข้า การประมวลผลข้อมูล และการแสดงผลข้อมูล
    การนำข้อมูลเข้าหรือการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนแรกของระบบสารสนเทศ เมื่อมีข้อมูลแล้วจึงจะนำไปประมวลผลเพื่อนำไปใช้งานด้านต่างๆ เช่น มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน ตั้งแต่นักเรียนเริ่มเข้ามาในโรงเรียน โดยแยกเป็นประวัติส่วนตัว น้ำหนักส่วนสูง ผลการเรียน ความประพฤ เป็นต้น  ถ้าข้อมูลที่เก็บไว้ไม่ถูกต้อง สารสนเทศที่ได้มาก็จะไม่ถูกต้องเช่นกัน ดังนั้นในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลควบคู่ไปด้วยกัน
    การประมวลผลข้อมูล ขั้นตอนนี้เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้การประมวลผลข้อมูลเป็นไปอย่างรวจเร็วถูกต้องและแม่นยำ
    การแสดงผลข้อมูลสารสนเทศ เมื่อข้อมูลถูกประมวลผลจนได้ข้อมูลสารสนเทศที่ต้องการแล้ว ก็จะมีการนำสารสนเทศเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็นโดยผ่านอุปกรณ์ต่างๆภาพยิ่งขึ้น
   ๒.   เทคโนโลยีโทรคมนาคม คือเทคโนโลยีที่ใช่ในการสื่อสารทางไกลหรือโทรค
     ทั้งนี้ พัฒนาการทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ก้าวหน้าไปมาก จึงช่วยให้การจัดการกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่อย่างมากให้มีประสิทธิมนาคม และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และไกล จะช่วยให้ถ่ายทอดและการสื่อสารข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในที่ต่างๆ
   กลไกหลักของการสื่อสารโทรคมนาคมมีองค์ประกอบพื้นฐาน ๓ ส่วน ได้แก่ ต้นแหล่งของข้อความ สื่อกลางสำหรับการรับหรือส่งข้อความ และส่วนรับข้อความ
   นอกจากนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะของการใช้งานได้เป็น ๖ รูปแบบ คือ
    ๑. เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
    ๒. เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล
    ๓. เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล
    ๔. เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล
    ๕. เทคโนโลยรฃีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร
    ๖. เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูล











บทบาทของเทคโนโลยีสาระสนเทศ

บทบาทของเทคโนโลยีสาระสนเทศ
    การดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ จะมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การเรียนหนังสือ ฟังเพลง ดูโทรทัศท์ สิ่งต่างๆที่กล่าวมาล้วนแล้วเป็นเทคโนโลยีทั้งสิ้น

    ในอดีตมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ในป่าในถ้ำ การพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆก็เกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต ต่อมามนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา จนเมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปีที่แล้ว มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือและจารึกไว้ตามผนักถ้ำ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ ๕๐๐ ถึง ๘๐๐ ปีที่แล้ว เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถสื่อสารกันโดยการส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วและมีการพัฒนาทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น
   เมื่อพัฒนาการด้านเทคโนโลยีก้วหน้าไปไกลขึ้น เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น จนในที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธเทคโนโลยีได้
   ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทอย่างกว้างขวางในทุกวงการเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานทุกด้าน ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป้นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี