วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์
   อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ
   อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ สามารถจำแนกอาชญากรเป็นกลุ่ม ดังนี้
๑. แฮกเกอร์ คือ บุคคลที่ใช้ความสามารถในทางที่ไมาถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
๒. แครกเกอร์ คือ แฮแเกอร์ที่ทำไปเพื่อประโยชน์ในทางธุระกิจ
๓. แฮกตีวิสต์หรือไซเบอร์เทอร์รอริสต์ คือ แฮกเกอร์ที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
   อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ จัดออกเป็น ๙ ประเภท ดังนี้
๑. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
๒. การนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
๓.การละเมิดสิทธิปลอมแปลงรูปแบบ
๔. การใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามกอานจาร
๕. การใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
๖. เข้าไปทำลายระบบสาธารณูปโภค
๗. การหลอกลวงให้ลงทุนปลอม
๘. การแทรกแซงข้อมูล 
๙. การแอบโอนเงินของผู้อื่นเข้าบัญชีตอนเอง
   การใช้คอมพิวเตอร์ในฐานะเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม มีหลายรูปแบบ เช่น
๑. การขโมยหมายเลขบัตรเครดิต
๒. การแอบอ้าง
๓. การกราดตรวจทางคอมพิวเตอร์
   คอมพิวเตอร์ในฐานะเป้าหมายของอาชญากรรม นอกจากการใช้คอมพิวเตอร์ในการเป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมแล้ว การกระทำที่อาจเป็นอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใน ๓ ประเด็น คือ
๑. การใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
๒. การก่อกวน ทำลายข้อมูล
๓. การขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์
   วิธีการใช้ในการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
  วิธีการใช้ในการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ มีดังนี้
๑. ดาตาดิดลิง คือ การเปลี่ยนแปลงข้อมุลโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน
๒. โทรจันฮอร์ส การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงไว้ในโปรแกรมที่มีประโยชน์
๓. ซาลามิเทคนิค วิธีการปัดเศษจำนวนเงิน
๔. ซูเปอร์แซพปิง สามารถเข้าไปในระบบได้ในกรณีฉุกเฉิน
๕. แทรปดอร์ เป้นการเขียนโปรแกรมที่เลียนแบบคล้ายหน้าจอปกติ
๖. ลอจิกบอมบื เป็นการเขียนโปรแกรมคำสังอย่างมีเงื่อนไข
๗. อัสซินครอนีสแอตแทก คือ สามารถทำงานกลายๆอย่างพร้อมกันได้
๘. สกาเวนจิง คือ วิธีดารที่จะได้ข้อมุลที่ทิ้งไว้ในระบบคอมพิวเตอร์หรือบริเวณใกล้เคียง
๙. ดาตาลีเกจ หมายถึง การทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป
๑๐. พิกกีแบกกิง สามารถทำได้ทั้งทางกายภาพ
๑๑. อิมเพอร์ซันเนชัน คือ การที่คนร้ายแกล้งปลอมเป็นบุคคลอื่นที่มีอำนาจ
๑๒. ไวร์แทปพิง เป้นการลักลอบดับฟังสัญญารการสื่อสารโดยเจตนา
๑๓. ซิมุชันแอนโมเดลลิง คอมพิวเตอร์ถูกใช้เป้นเครื่องมือในการงางแผนการควบคุม
   วิธีการป้องกันการเข้าถึงข้อมุลและคอมพิวเตอร์
  โดยทั่วไปการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและคอมพิวเตอร์จากบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตจะแตกต่างกันออกไป กล่าวได้ ๔ วิะี คือ
๑. ใช้ชื่อผู้ใช้และรหัส
๒. ใช้วัตถุเพื่อการเข้าระบบ
๓. ใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ
๔. ระบบเรียกกลับ


กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
   ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย ซึ่งมีการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากมายทั่วโลก แต่หากนำไปใช้ในทางมิชอบก็อาจก่อให้เกิดความเสีหาย หรือส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อประชาคมโลก และได้เกิดรูปแบบใหม่ของอาขญากรรมที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการกระทำผิดหลายด้าน
   สาเหตุที่ต้องมีการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น เพราะด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคดนโลยี ทำให้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ การมีกฎหมายจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
   กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเกิดขึ้นเนื่องจากความจำเป็นของสังคมและเพื่อให้สังคมมีความเป็นปึกแผ่น โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
๒. กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
๓. กฎหมายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
๔. กฎหมายการสับเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
๕. กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
๖. กฎหมายการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์
๗. กฎหมายโทรคมนาคม
๘. กฎหมายระหว่างประเทศ
๙. กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับอินเตอร์เน็ต
๑๐. กฎหมายพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ความหมายของจริยธรรม

ความหมายของจริยธรรม
   จริยธรรม หมายถึงหลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ การกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม เช่น
๑. การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
๒.การใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูล
๓. การใช้คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
๔. การละเมิดลิขสิทธิ์สอฟต์แวร์
   กรอบความคิดเรื่องจริยธรรม
โดยทั่วไปเมื่อพิจารณาถึงจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ๔ ประเด็น ที่รู้จักกันในลักษณะอักษรย่อว่า พีเอพีเอ ประกอบด้วย
๑. ความเป็นส่วนตัว คือ การเก็บรวบรวม
๒. ความถุกต้อง คืือ ความถูกต้องแม่นยำ
๓. ทรัพย์สินทางปัญญา คือ กรรมสิทธิ์และมูลค่าของข้อมูลสารสนเทศ
๔. การเข้าถึงข้อมุล คือ สิทธิในการเข้าถึงสารสนเทศ
   ความเป็นส่วนตัว
 ปัจจุบันมีประเด้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เป็นข้อน่าสังเกตดังนี้
๑. การเข้าไปดูข้อความจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
๒. การใช้เทคโนดลยีในการติดตามการเคลื่อนไหว
๓. การใช้ข้อมุลของลูกค้าจากแหล่งต่างๆ
๔. การรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อเมล และอื่นๆ
   ความถูกต้อง
  ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูลนั้น คุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล
   ทรัพย์สินทางปัญญา
 ทรัพยืสินทางปัญญา หมายถึง สิทธิความเป็นเจ้าของ
 ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ
 สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐุ์
 อนุสิทธิบัตร หมายถึง เอกสารสิทธิทีแสดงถึงการดทะเบียนคุ้มครองการประดิษฐุ์
 การระเมิดสิทธิ์
๑. การระเมิดสิทธิ์โดยตรง
๒. การระเมิดสิทธิ์โดยอ้อม
  การเข้าถึงข้อมุล
 ปัจจุบันการใช้งานโปรแกรม หรือระบบคอมพิวเตอร์มักจะมีการกำหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งาน



ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกออกเป็น ๒ ด้าน คือ
   ผลกระทบในทางบวก
๑. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสะบายของมนุษย์
๒. ช่วยทำให้การทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตดีขึ้น
๓. ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพขึ้น
๔. ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
๕. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
๖. ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
๗. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
๘. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
  ผลกระทบในด้านลบ
๑. ทำให้เกิดอาชยากรรม
๒. ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
๓. ทำให้เกิดความวิตกกังวล
๔. ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุระกิจ
๕. ทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
๖. ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวจเร็ว
๗. ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง
   แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมุลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ผลของความก้วหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน ดังนี้
   ๑. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ
   ๒. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคดนโลยีแบบตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้
   ๓. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพการทำงานแบบทุกสถานที่ และทุกเวลา
   ๔. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบท้องถิ่นไปเป็นเศรษฐกิจโลก
   ๕. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลัษณะผูกพัน
   ๖. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการวางแผนการดเนินการระยะยาวขึ้น
   ๗. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนดลยีที่มีบทบาทสำคัญในทุวงการ

การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ


การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ
   เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว จนมีความสามารถในการใช้งานเพิ่มขึ้น 
   หากพิจารณาการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารทั่วไปของโทก ปัจจุบันมูลค่าของสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่าสนใจคือ ๑๐ ประเทศ
   ความก้วหน้าของคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร ทำให้อุปกรณ์ต่างๆมีขนาดเล็กลงแต่มีความสามารถเพิ่มขึ้น และมีราคาถูกจนผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้
   ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้สร้างประโยชน์อย่างมากต่อวงการธุระกิจ ทำให้ทุกธุระกิจมีการลงทุนขยายขอบเขตการให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมากขึ้น กลไกเหล่านี้ทำให้โอกาสการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นตามไปด้วย

ประเภทของระบบสารสนเทศ

ประเภทของระบบสารสนเทศ
   ระบบสารสนเทศสามารถจัดแบ่งประเทได้หลายวิธี ประเภทของระบบสารสนเทศที่สำคัญ ๓ ประภท ดังนี้
   ๑. ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน
   ๒. การจำแนกหน้าที่ขององค์การ
   ๓. การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ
  ระบบสารสนเทศที่สนับสุนนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริหารระดับต่างๆ แบ่งประเภทของสารสนเทศไว้ ดังนี้
 ๑. ระบบประมวลผลรายงาน เป็นระบบที่ทำหน้าที่ปฏิบัติงานในงานประจำ
 ๒. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบที่สนับสนุนงานในสำนักงาน
 ๓. ระบบงานสร้างความรู้ เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนบุคลากร 
 ๔. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง เป็นระบบที่สร้างสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
   ระบบสารสนเทศการจำแนกตามหน้าที่ขององค์การ ระบบสารสนเทศในงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ต่างๆ เช่น 
  ๑. ระบบสารสนเทศด้านบัญชี
  ๒. ระบบสารสนเทศด้านการเงิน
  ๓. ระบบสารสนเทศด้านการผลิต
  ๔. ระบบสารสนเทศด้านการตลาด
  ๕. ระบบสารสนเทสด้านทรัพยากรมนุษย์
   ระบบสารสนเทศการจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ แบ่งเป็น ๓ ระบบ ดังนี้
  ๑. ระบบสารสนเทศประมวลผลรายงาน เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลผล
  ๒. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เป็นระบบสารสนเทศสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง
  ๓. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นระบบที่ช่วยบริหารในการตัดสินใจสำหรับปัญหา